- เครื่่งคชาภรณ์ที่สำคัญ
- ผ้าปกกระพอง ทำด้วยผ้าเยียรบับลายทองพื้นแดง เย็บเป็นแผ่นรูปทรงคล้ายกลีบบัว ชายขอบผ้าทำเป็นริ้วลายทองพื้นเขียวอยู่ด้านใน พื้นแดงอยู่ด้านนอก ๒ ริ้ว ขลิบริมด้วยดิ้นเลื่อม ขนาดความกว้างของผ้าตรงรูปฐานกลีบบัว ยาว ๘๒ ซ.ม. ความยาวจากฐานกลีบบัวจรดปลายปลายแหลมของกลีบบัวยาว ๕๕ ซ.ม. ส่วนฐานของกลีบบัวเชื่อมต่อกับตาข่ายแก้วกุดั่น
- ตาข่ายแก้วกุดั่นหรืออุบะแก้วกุดั่น ทำด้วยลูกปักแก้ว (เพชรรัสเซีย) เจียระไน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๒ ม.ม. จำนวน ๘๑๐ เม็ด เจาะรูตรงกลาง ร้อยด้วยสายทองคำถัก แบบที่เรียกว่า สร้อยหกเสา เริ่มต้นทำเป็นตาข่ายโดยการร้อยลูกปัดแก้ว จำนวน ๙ ลูก แล้วผูกเป็นจุดเชื่อมตาข่าย ร้อยลูกปัดแก้วอีก ๙ ลูกผูกติดกับฐานกลีบบัวผ้าปกกระพองเป็นช่วง ๆ รวม ๙ ช่วงเรียงไปตลอดความยาวของฐานกลีบบัว แถว ที่ ๒ เริ่มต้นจากกึ่งกลางของช่วงแรกซึ่งเป็นจุดเชื่อมร้อยลูกปัด ๙ ลูก แล้วผูกไว้ทำต่อไปเช่นนี้ให้เป็นตาข่ายรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว หรือที่เรียกกันว่า อุบะหน้าช้าง มีความยาวด้านละ ๑๐๐ ซ.ม. เท่ากันทั้งสองด้าน ระยะจากปลายยอดสามเหลี่ยมถึงฐานกลีบบัว กว้าง ๘๗ ซ.ม. จุดที่สายทองคำถักร้อยลูกปัดแก้วประสานตัดกันเป็นตาข่าย ทุกจุดประดับด้วยดอกลายประจำยามทองคำประดับพลอยสีเขียว สีแดง และสีขาว ขนาดกว้างด้านละ ๕ ซ.ม. ห้อยด้วยพวงอุบะทองคำประดับพลอยสีแดง และสีขาว ยาว ๑๐ ซ.ม. มีจำนวนรวม ๔๗ จุด และยังได้เพิ่มอุบะที่ตาข่ายแก้วเจียระไนตรงจุดที่ต่อกับผ้าปกกระพองอีก ๒ แถว
- พู่หู ทำด้วยขนหางจามรีสีขาวบริสุทธิ์ เป็นเครื่องประดับทรงพู่ใช้ห้อยจากผ้าปกกระพอง ลงมาอยู่ส่วนหน้าของใบหูทั้งสองข้าง ในการประกอบเป็นตัวพู่ หรือลูกพู่ เบื้องต้นต้องทำแกนด้วยผ้าขาวเป็นรูปดอกบัวตูม มีเชือกหุ้มผ้าตาดทองต่อจากขั้วแกน เพื่อใช้ผูกกับผ้าปกกระพอง ต่อจากนั้นเย็บขนจามรีประกอบเข้ากับแกนที่เตรียมไว้ จำนวน ๒ พู่ พู่หรือลูกพู่นี้เมื่อเย็บขนจามรี เสร็จแล้วจะมีรูปทรงคล้ายดอกบัว มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ส่วนที่กว้างที่สุด ๒๖ ซ.ม.
- ผ้าคลุมพู่ ทำด้วยผ้าเยียรบับรูปดาวหกแฉก ใช้คลุมบนขั้วพู่จามรี โดยเจาะรูตรงกลางเพื่อใช้เป็นที่ร้อยเชือก ขอบผ้าริมนอกขลิบด้วยผ้าตาดทอง ริมในขลิบด้วยผ้าสีแดง
- จงกลพู่ เป็นส่วนที่ใช้ครอบบนขั้วพู่ทับอยู่บนผ้าคลุมพู่ ทำด้วยทองคำบุดุนลงยาสีเขียว และสีแดง ทำเป็นลายดอกบัวคว่ำ ปลายกลีบดอกบานออกเล็กน้อย ลักษณะรูปทรงคล้ายกรวย ตัวจงกลพู่ยาว ๑๒ ซ.ม. ปากจงกลพู่เส้นผ่าศูนย์กลางกว้าง ๘.๐๒ ซ.ม. โคนจงกลพู่เจาะรูเป็นที่ร้อยเชือกจากขั้วพู่ เส้นผ่าศูนย์กลางกว้าง ๑.๐๘ ซ.ม. ความยาวของพู่หูจากปลายจงกลถึงปลายแหลมของตัวพู่ประมาณ ๕๒ ซ.ม. เส้นรอบวงของพู่ประมาณ ๗๖ ซ.ม.
- เสมาคชาภรณ์ เป็นจี้หรือเครื่องประดับรูปใบเสมาสำหรับร้อยสายสร้อยผูกคอ ขนาดกว้าง ๑๑.๐๕ ซ.ม. ยาว ๑๔.๐๕ ซ.ม. ทำด้วยทองคำลงยา ด้านหน้าบุดุนเป็นรูปพระราชลัญจกร พระมหามงกุฎอุณาโลม ยอดพระมหามงกุฎเปล่งรัศมี ด้านข้างพระมหามงกุฎกระนาบด้วยลายช่อดอกลอยใบเทศ มีลายประดับรับส่วนล่าง กรอบใบเสมาบุดุนเป็นลายรูปพญานาค ๒ ตัว ใช้หางเกี้ยวกัน ส่วนบนของใบเสมาตีปลอก บุ ดุนลายลวดลายลงยา มีลูกปัดทองทรงกลมกลวงสำหรับสอดร้อยด้วยสายสร้อยทองคำ ลูกปัดทั้งสองมีขนาดกว้าง ๒ ซ.ม. ยาว ๒ ซ.ม.
- สร้อยคอ หรือสายสร้อยผูกคอทำด้วยทองคำ เป็นรูปห่วงเกลียวมีเส้นผ่าศูนย์กลาง สายเกลียวประมาณ ๑.๑ ซ.ม. ความยาวของสายสร้อย ๒๘๕ ซ.ม.
ตาบ หรือ ตาบทิศ เป็นเครื่องประดับติดอยู่กับพานหน้า และพานหลัง ทำด้วยทองคำบุดุนฉลุลายดอกประจำยามประดับพลอยสีเขียว สีแดง และสีขาว รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างยาวด้านละ ๗ ซ.ม. สำหรับประดับพานหน้า ส่วนที่อยู่ใกล้กับไหล่ ๒ ข้าง และประดับพานหลัง ส่วนที่อยู่ใกล้ตะโพก ๒ ด้าน รวม ๔ ดอก
- วลัยงา หรือ สนับงา เป็นเครื่องประดับงา ใช้สวมงาทั้ง ๒ ข้าง ๆ ละ ๓ วง รวม ๖ วง ทำด้วยทองคำบุดุนประดับพลอยสีเขียว สีแดง และสีขาว
- สำอาง เป็นห่วงคล้องอยู่ส่วนท้ายช้างใต้โคนหาง เพื่อยึดกับพานหลัง ทำด้วยทองเหลืองชุบทอง มีลายประดับทำด้วยวิธีพิมพ์แกะลายบริเวณที่เป็นรูปขอ ก่อนนำไปหล่อ ขนาดสำอาง กว้าง ๓๓ ซ.ม. ยาว ๓๖ ซ.ม.
- ทามคอ พานหน้า พานหลัง โยงพานหลัง และสายรัดประคน ทำด้วยผ้าถักแบบสายพานหุ้มด้วยผ้าตาดทอง มีห่วงโลหะชุบทองเป็นตัวเกี่ยวประสานผูกด้วยเชือกหุ้มผ้าตาดทองทุกเส้น
- พนาศ เป็นผ้าคลุมหลังช้าง รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทำด้วยผ้าเยียรบับ ท้องผ้า เป็นลายทองพื้นเหลือง ตามสีประจำวันพระราชสมภพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ล้อมด้วยผ้าตาดทองพื้นแดงด้านหลังผ้าเยียรบับต้องใช้ผ้าซับกาวรีดทับเพื่อไม่ให้ริมผ้าหลุด ชายขอบผ้าชั้นนอกทั้ง ๔ ด้านขลิบด้วยดิ้นทอง ๒ ชั้น และปิดทับรอยต่อของผ้าตาดเป็นขอบชั้นในส่วนชายผ้า ๒ ด้านที่ห้อยลงมาอยู่ข้างท้องช้างนั้น ตรงกลางท้องผ้าติดคันชีพ ทำเป็นกระเป๋าผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม ขนาดกว้าง ๒๙ ซ.ม. ยาว ๓๖ ซ.ม. ขลิบริมด้วยดิ้นทองทั้ง ๔ ด้าน ตรงกลางปักลายพระราชลัญจกรพระมหามงกุฎอุณาโลมด้วยไหมเหลือง ที่คันชีพทั้ง ๒ ข้าง ติดเม็ดดุมทำด้วยแก้วเจียระไนสายคล้องดุมทำด้วยทองคำ ขอบชายผ้าต่อจากคันชีพลงไปมีผ้าระบายซ้อน ๓ ชั้น แต่ละชั้นขลิบด้วยดิ้นทองตกแต่งด้วยตุ้งติ้งประกอบชายผ้าทั้ง ๓ ชั้น
อ้างอิง